“การเดินป่า 101 (ฉบับเริ่มต้น)” หากใครชื่นชอบการเดินป่า หรืออยากลองเดินแต่ไม่รู้ไปไหนดี ไม่เคยเดินป่ามาก่อน แนะนำที่นี่เลยค่ะ เพราะภูบักไดเดินไม่ยาก เป็นทางโล่งๆ ทางชันแค่ช่วงแรกที่จะชันและเหนื่อยหน่อย พอขึ้นสันเขาได้ก็จะเดินง่ายแล้ว
ขอเกริ่นก่อนว่า เราก็ไม่เคยเดินป่าในรูปแบบที่กางเต้นท์ ค้างคืนในป่า กินในป่า เข้าห้องน้ำกลางป่ามาก่อนเหมือนกัน นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตการท่องเที่ยวเลยค่ะ
ดังนั้นเลยพอจะพูดได้ว่า ที่นี่เป็นการเดินป่าสำหรับคนเริ่มต้น adventure เพราะถ้าเราเดินได้ ทุกคนก็เดินได้ค่ะ
ทริปนี้ไปทั้งหมด 4 คน ซึ่งทุกคนไม่เคยมีใครเคยเดินป่ามาก่อน จำนวนไม่มากไม่น้อย พอดูแลกันได้ เราจึงไม่แบกของมาก กินง่ายๆอยู่ง่ายๆ ไปเสพธรรมชาติ ไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์กลับมา และได้ทบทวนข้อดี ข้อเสีย เพื่อที่จะได้รู้ว่าตัวเองชอบการเที่ยวแบบนี้หรือไม่
บทสรุป จะเป็นอย่างไร จะไปรอดไหม สะพายเป้แบกเต้นท์ ตามเราค่ะ
?ข้อควรรู้ก่อนไปเที่ยวภูบักได?
1. โทรจองล่วงหน้า ว่าจะไปกี่คน ไปวันไหน ได้ที่
?ชมรมการส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยชุมชนปลาบ่า ติดต่อกำนันเชิด 087-866-2648, 095-701-3139
?ค่าบริการ 3,000 บาท/กลุ่ม กลุ่มหนึ่งไม่เกิน 6คน จะรวมเป็นค่ารถอีแต๊ก คนนำทาง คนดูแลความปลอดภัย คนก่อกองไฟ แบกของเล็กๆน้อยๆของเราไปให้ด้วย และค่าบำรุงการท่องเที่ยวชุมชน (คนเดียวทำทุกอย่างนี้ ไม่แพงเลย)
2. การเดินทาง ตั้ง GPS ไปที่ ชมรมการส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยชุมชนปลาบ่า จอดรถได้ที่วัดบ้านกลางตรงข้ามชมรมเลยค่ะ
3. ควรไปถึงก่อนเที่ยง เพราะการเดินป่าที่พูดถึงนี้คือการเดินไปบนสันเขา ตามภูเขาหญ้า ไม่มีร่มไม้ ถ้าเดินตอนบ่ายจะร้อนแดดมากค่ะ เดินตอนเช้าอากาศจะดีกว่าค่ะ
4. เดินทางด้วยรถอีแต๊ก 1 ชม ไปจุดจอดรถตีนเขา และเดินเท้าขึ้นเขาไปจุดกางเต้นท์อีก 2ชั่วโมง จะใช้เวลามากหรือน้อยกว่านี้ ขึ้นอยู่กับร่างกายเราล้วนๆ ค่ะ (เวลาโดยประมาณค่ะ ตอนไปไม่ได้จับเวลา มัวแต่เหนื่อยหอบแฮ่กๆ)
5. ด้านบนไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกใดๆค่ะ น้ำและของกินเราต้องขนขึ้นไปเอง ห้องน้ำก็หาที่เหมาะๆหลังพุ่มไม้เอาค่ะ
6. อากาศตอนกลางคืนค่อนข้างเย็นถึงหนาวมาก ประมาณ 10องศานิดๆ เตรียมถุงนอน เต้นท์ให้พร้อม ถ้าไม่มีเช่าเต้นท์และถุงนอนกับทางกำนันได้ค่ะ
?เต้นท์หลังละ 100บาท/คืน (นอนได้2 คน)
?ถุงนอน 50บาท/คืน
7. ถ้าไปฤดูที่อากาศชื้นๆ จะมีทาก แต่ตอนเราไป ฤดูร้อนหญ้าแห้งไปหมดเลยไม่เจอทากค่ะ
ภาพควันๆที่ลอยขึ้นมาจากเขาด้านล่างนั้น เกิดจากการเผาป่า เผาไร่ของชาวบ้าน จะเห็นว่ามีหลายจุดมาก มีควันลอยตลบอบอวน สูดควันมึนหัวไปหมด และทำให้ภาพที่คิดว่าจะได้เป็นเนินเขาด้านล่างสวยๆโล่ง กลางเป็นภาพควันขาวๆเป็นบางจุดแบบในภาพ แต่ก็สวยไปอีกแบบค่ะ ได้อีกบรรยากาศเพราะเหมือนไปเที่ยวภูเขาไฟมาเลย
เหนื่อยแค่ไหน คุ้มค่าเหนื่อยไหม สวยแค่ไหนกันนะ มาดูรูปกัน
เริ่มต้นการเดินทางกันที่ ชมรมการส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยชุมชนปลาบ่า เราโชคดีที่ได้ไปรถกระบะ ไม่ใช่รถอีแต๊ก เพราะทำให้เราใช้เวลาเดินทางไปจุดที่ต้องเดินได้เร็วกว่า กว่าเราจะไปถึงก็บ่ายโมงแล้วจากเวลานัดหมายตอนก่อนเทียง
หนทางข้างหน้าอีกยาวไกล นั่งรถกระบะไปประมาณ 10 กิโลเมตร เส้นทางลัดเลาะตามเขาและไร่เพาะปลูก เส้น
ทางช่วงแรกดูไม่โหด แต่พอเริ่มไต่เขาสูงชันนี่ยังกับอยู่บนเครื่องเล่นในสวนสนุก รู้สึกทึ่งกับความสามารถในการขับรถของลุงทำทาง นั่งไปก็เกร็งไป ลุ้นตลอดทาง
ถ้าไปรถอีแต๊ก ฝุ่นจะเยอะมากกกก เตรียมอุปกรณ์ป้องกันไปด้วยนะคะ
รถมาส่งเราได้เท่านี้ค่ะ ที่เหลือเราต้องพึ่งตัวเอง โดยการไต่เขาที่ชันมากใช่ช่วงแรก ประมาณ 400-500 เมตร ดูไม่ไกลแต่เหนื่อยมาก จุดนี้มีแรงเท่าไหร่ ใส่ให้หมดค่ะ จุดหมายคือสันเขาด้านบน
มองมาจากด้านบน นั่นคือบริเวณที่จอดรถค่ะ และด้านล่างนั่นคือที่ราบทางที่เรามา
ถือไม้คนละอันที่หาได้ตรงที่จอดรถนั่น แล้วค่อยๆเดินไป พอขึ้นสันเขาได้ก็จะเป็นทางราบ เดินง่ายหน่อย
เหนื่อยก็นั่งพัก วิวที่นี่มองไปตรงไหนก็สวยงามอลังการ
แวะถ่ายรูปบ้าง นั่งพักบ้าง
ถึงแล้วจุดหมายของเรา และที่เห็นคนนั่งอยู่นั่นคือความจริงของ ผาหลอกลวงค่ะ มันไม่ได้สูงแบบในรูป ที่ถ่ายเจาะมาแค่หินตรงนั้น เพื่อทำให้ดูว่าสูงๆ
หมอกควันจากการเผาไร่ เผาป่า ทำให้บรรยากาศดูอึมครึมไปหมด
จุดตั้งแค้มป์ค่ะ กางเต๊นท์เก็บของ แล้วออกไปสำรวจรอบๆกัน
ถ่ายรูปเพลินๆ ตอนพระอาทิตย์ตกสวยมาก
ผาหลอกลวง ผายอดฮิต ที่จริงเป็นแท่นหินมีพื้นด้านล่างไม่ได้เสียวอย่างที่เห็น
พอแสงหมด ท้องก็เริ่มร้อง เราเตรียมอาหารง่ายๆและไม่หนักมาก ไปค่ะ นั่นคือ มาม่าและไข่ต้ม เสริมด้วยไส้กรอก โบโรน่า เท่านี้ก็รอดไปอีกมื้อ
ตอนดึกออกมาดูดาว ดาวเยอะมาก สวยมาก
ตอนเช้ามีหมอกตามยอดเขาไกลๆ สวยงามอลังการมากค่ะ
กลับมาโดดที่ผาหลอกลวงตอนเช้าอีกรอบ
ถึงเวลาเดินทางกลับกันแล้วค่ะ ขาลงนั้นไวกว่าขาขึ้นมาก
เก็บไปแต่ภาพสวยๆและความทรงจำที่โคตรประทับใจ กับภูบักได